เดือด!คาร์ร่าสวนมูรินโญ่ระวังแรชฟอร์ชตามรอยเวลเบ็ค

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังชื่อก้องของ ลิเวอร์พูล ออกโรงสวนกลับ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อ้างว่าใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด เยอะแล้ว โดยชี้ ที่จริง แรชฟอร์ด ไม่ค่อยได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในบทบาทหัวหอกตัวกลางมากเท่าไหร่ พร้อมมองว่าถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป แข้งวัย 20 ปีก็อาจจะมีชะตากรรมแบบเดียวกับ แดนนี่ เวลเบ็ค ก็ได้


ช่วงที่ผ่านมา แรชฟอร์ด ไม่มีพัฒนาการที่ดีเท่าไหร่ ทั้งที่เคยได้รับการจับตามองว่าเป็นดาวรุ่งที่มีอนาคตสดใสมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้ คาร์ราเกอร์ เสนอว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษควรที่จะย้ายทีมเพื่อหาโอกาสลงสนามในฐานะหัวหอกตัวเป้ามากกว่านี้ เพราะถ้าอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป เขาก็มีโอกาสน้อยมากที่จะแย่งตำแหน่งมาจาก โรเมลู ลูกากู ได้

หลังจาก คาร์ราเกอร์ แสดงความเห็นแบบนั้น มูรินโญ่ ก็สวนกลับด้วยการเอาสถิติมาให้ดูว่านับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 นั้น เขาส่ง แรชฟอร์ด ลงเล่นเยอะมาก อย่างในซีซั่น 2016-17 แรชฟอร์ด ก็ได้ลงเล่นไป 53 เกมในทุกรายการ ส่วนฤดูกาลก่อนแข้งชาวอังกฤษได้ลงสนามไป 52 นัดในทุกรายการ

คาร์ราเกอร์ เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ผมเห็นด้วยกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ในแง่ของตัวเลขจำนวนการลงสนาม มันดูดีมากๆ เลยทีเดียว แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบก็คือการที่ โชเซ่ หรือคนอื่นๆ คิดว่าผมแค่เสนอความคิดเห็นขึ้นมาแบบลอยๆ สาเหตุที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะผมกำลังพูดถึงการลงเล่นของ แรชฟอร์ด ในตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง"

"ในแง่จำนวนการลงเล่น โชเซ่ พูดได้ถูกต้องทุกประการ แต่สิ่งที่เขาไม่ได้พูดถึงก็คือนับตั้งแต่ที่ โชเซ่ เข้ามาคุมทีมนั้น แรชฟอร์ด ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางใน พรีเมียร์ลีก ไปเพียงแค่ 12 นัดเท่านั้น"

"แรชฟอร์ด เคยบอกว่าเขาอยากเป็นกองหน้าตัวกลาง ซึ่งตอนนี้เขาอาจจะเปลี่ยนความคิดแล้ว เขาอาจจะพอใจกับการโยกไปยืนทางฝั่งซ้าย, ทางขวา หรือไม่ก็พอใจกับการได้อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป แต่ประเด็นของผมก็คือตำแหน่งที่เขาลงเล่นน่ะถือเป็นตำแหน่งที่สอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงได้ยากที่สุดในกลุ่ม 6 ทีมชั้นนำ (หมายถึงตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง)"

"ผมไม่ได้บอกว่า โชเซ่ ทำผิด และน่าจะส่ง แรชฟอร์ด ลงเล่นมากกว่า ลูกากู เขาไม่ควรทำแบบนั้นหรอก ลูกากู เป็นกองหน้าที่เก่งกว่าเขา แต่ถ้าเกิดเขาอยากเล่นเป็นกองหน้าตัวกลางจริงๆ เนี่ย เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ? (หมายถึง แรชฟอร์ด จะมีโอกาสลงเล่นในฐานะกองหน้าตัวกลางน้อยเพราะมี ลูกากู ขวางทางอยู่)"

"ถ้าเกิด แรชฟอร์ด ไม่อยากเล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง เขาก็สามารถอยู่กับทีมต่อไปได้ แต่ถ้าเกิดเขาอยากเป็นกองหน้าตัวกลางจริงๆ ผมก็คิดว่าเขาอาจจะต้องย้ายทีม"

อดีตแข้ง "หงส์แดง" เสริมว่าถ้าเกิดสถานการณ์ของ แรชฟอร์ด ยังเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไป เขาก็อาจจะไม่สามารถพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้มากนัก เหมือนอย่างรายของ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่เคยเป็นหัวหอกฟอร์มร้อนแรงสมัยเป็นดาวรุ่งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายก็โดนโยกไปเล่นเป็นตัวริมเส้นจนไม่สามารถยกระดับฝีเท้าขึ้นมาได้ "บอกก่อนว่าผมชอบ แดนนี่ เวลเบ็ค ในฐานะนักเตะคนหนึ่งนะ และผมหวังว่าสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้จะไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการดูหมิ่นเขา แต่ผมต้องบอกเลยว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่อยากเป็น แดนนี่ เวลเบ็ค คนต่อไปแน่ๆ"

"เขา (เวลเบ็ค) ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ ยูไนเต็ด ในฐานะกองหน้าตัวกลาง แล้วจากนั้นก็ถูกใช้ไปยืนทางฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา ซึ่งเขาก็พอใจที่ได้ลงเล่นบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นนักเตะธรรมดาๆ คนหนึ่งของทีม และไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ เขาย้ายไปอยู่กับ อาร์เซน่อล และเจอสถานการณ์เดิม ผมหมายถึง เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งไหนล่ะ ? เขายังเป็นนักเตะของทีมอยู่ก็จริง และยังเป็นแบบนั้นกับทีมชาติอังกฤษด้วย แต่นั่นไม่ใช่สถานการณ์ที่คุณต้องการหรอก"

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.siamsport.co.th